สัญลักษณ์ที่ใช้ในลานจอดรถของห้าง Seacon Square
สรุปจากการที่ได้จัดระบบลานจอดรถ โดยใช้สัตว์เป้นสื่อในการจัดระบบ โดยที่เราแบ่งกลุ่มสัตว์เป็นสี่กลุ่มคือ 1.สัตว์บก ซึ่งสัตว์บกก็ยังแบ่งย่อยไปเป็น
1.1สัตว์ผู้ล่า 1.2สัตว์ทุ่งหญ้า 2.สัตซืครึ่งบกครึ่งน้ำ 3. สัตว์ทะเล 4. สัตว์ปีก
ทั้งหมดนั้นก็ถูกวางตามลำดับถิ่นอาศัยของมัน เช่นนกก็อยู่ชั้นดาดฟ้า สัตว์ทุ่งหญ้าก็อยู่ลานด้านนอก ใจ้ดินก็จะเป็นสัตว์ทะเล เป็นต้น
การศึกษาเรื่องการรับรู้...
จากการที่ได้ศึกษาเรื่องการตัดทอนมาแล้วทำให้รู้ว่าการรับรู้และการตัดทอนต่างมีส่วนเกี่ยวข้องกัน จึงทำให้ต้องการต่อยอดเรื่องการรับรู้
และคิดว่าลานจอดรถน่าจะเป็นสิ่งที่ใช้ในเรื่องของการรับรู้ได้ และเรื่องการจัดระบบจึงกลายเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับงานนี้ ซึ่งส่วนตัวคิดว่าการจัดระบบนั้น
มีส่วนช่วยในการทำงาน ถ้าทำระบบออกมาดี การรับรู้ในลานจอดรถก็จะดีตามไปด้วย และเหตุที่ใช้สัตว์เข้ามาในงานก็เพราะคิดว่าเป็นสิ่งที่ง่ายต่อการรับรู้ ที่ทุกเพศทุกวัย สามารถใช้ประสปการณ์ที่ต่างกัน แต่สามารถรับรู้สิ่งที่เป็นมาตรฐานได้ และยังสนใจในเรื่องของการใช้ระบบการดำเนินชีวิต ถิ่นอาศัย และสายพันธ์ุ มาเป็นส่วนหนึ่งในการจัดระบบลานจอดรถของห้างซีคอนสแควร์ ซึ่งมีความต้องการให้ผู้คนรับรู้ได้เร็ว ระบบการจดจำเป็นไปอย่างง่ายๆและมีความเกี่ยวเนี่องกันทั้งระบบ
และคิดว่าลานจอดรถน่าจะเป็นสิ่งที่ใช้ในเรื่องของการรับรู้ได้ และเรื่องการจัดระบบจึงกลายเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับงานนี้ ซึ่งส่วนตัวคิดว่าการจัดระบบนั้น
มีส่วนช่วยในการทำงาน ถ้าทำระบบออกมาดี การรับรู้ในลานจอดรถก็จะดีตามไปด้วย และเหตุที่ใช้สัตว์เข้ามาในงานก็เพราะคิดว่าเป็นสิ่งที่ง่ายต่อการรับรู้ ที่ทุกเพศทุกวัย สามารถใช้ประสปการณ์ที่ต่างกัน แต่สามารถรับรู้สิ่งที่เป็นมาตรฐานได้ และยังสนใจในเรื่องของการใช้ระบบการดำเนินชีวิต ถิ่นอาศัย และสายพันธ์ุ มาเป็นส่วนหนึ่งในการจัดระบบลานจอดรถของห้างซีคอนสแควร์ ซึ่งมีความต้องการให้ผู้คนรับรู้ได้เร็ว ระบบการจดจำเป็นไปอย่างง่ายๆและมีความเกี่ยวเนี่องกันทั้งระบบ
สรุปผลการทดลองเรื่องการตัดทอน
จากการที่ศึกษาการตัดทอนมานั้นได้เห็นถึงองค์ประกอบหลายๆอย่างที่มีผลต่อการรับรู้ และถ้าลองมองดูดีๆจะเห็นว่าบรรจุภัณฑ์น้ำส้มนั้น มักมีรูปแบบคล้ายๆกัน ซึ่งถ้านำมาแยกองค์ประกอบโดยวิธีที่ได้มานั้นก็จะมีอยู่ 3 ขั้นตอนหลักๆ คือภาพถ่าย ภาพประกอบ และ Abtract ซึ่งสัดส่วนของภาพถ่ายจะมีปริมาณที่มากที่สุด จึงทำให้เกิดแนวคิดเรื่องความเสมือนจริง แต่อยู่บนเรื่องการตัดทอน เลยทำให้ได้ลองมองย้อนกลับไปตั้งแต่ก่อนที่จะมาเป็นขวดๆหนึ่ง
คือได้ลองมองไปตั้งแต่มันยังเป็นผล ยังอยู่บนต้น และตอนที่มันมาอยู่ในตลาด และออกมาเป็นผลงานข้างต้นที่สื่อถึงลูกส้ม ใบส้ม และตอนที่มันมาอยู่ในตาข่าย โดยที่ยังคำนึงถึงการใช้งาน คือการถือ และต้องมีฉลาก และต้องมีวัสดุที่จะใส่มันได้ในปริมาณมากเมื่อเราซื้อหลายๆขวด
การศึกษาเรื่องการตัดทอน
เนื่องจากมีความสนใจในเรื่องของการตัดทอน ว่ามันมีผลต่อการรับรู้อย่างไร จึงได้ศึกษาระดับของการตัดทอน และได้สรุปแบ่งเป็นระดับใหญ่ๆ ได้ 3
ระดับคือ 1. ระดับที่มีความเสมือนจริงที่มักจะเป็นภาพถ่าย 2. ระดับที่มีการตัดส่วนที่ไม่จำเป็นออกไปซึ่งมักจะเป็นภาพประกอบ 3.ระดับที่มีการตัดทอนมากที่สุด ซึ่งบางทีอาจจะดูไม่ออกว่ามันคืออะไร หรือที่เราเรียกว่า abtract โดยที่การศึกษาครั้งนี้ได้มุ่งเน้นไปที่บรรจุภัณฑ์ประเภทน้ำส้ม เพราะคิดว่า
บรรจุภัณฑ์ประเภทนี้มีอยู่มากมาย และมีการแข่งขันกันสูง ซึ่งถ้าเราสามารถสร้างความแตกต่างทางด้านแนวความคิด ที่แปลกไปจากเดิม ซึ่งเป็นอย่างที่เราเห็นๆกันอยู่ทุกวันคือ ภาพของขวดน้ำส้มที่มีภาพถ่ายเหมือนจริงของส้มติดเป็นฉลากที่ข้างขวด ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจที่เราจะลองนำเอาระดับการตัดทอนมาใช้ และสามารถให้คนอื่นสามารถรับรู้ข้อมูลได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน
ตัวอย่างน้ำส้มในซุปเปอร์มาร์เกต
ระดับคือ 1. ระดับที่มีความเสมือนจริงที่มักจะเป็นภาพถ่าย 2. ระดับที่มีการตัดส่วนที่ไม่จำเป็นออกไปซึ่งมักจะเป็นภาพประกอบ 3.ระดับที่มีการตัดทอนมากที่สุด ซึ่งบางทีอาจจะดูไม่ออกว่ามันคืออะไร หรือที่เราเรียกว่า abtract โดยที่การศึกษาครั้งนี้ได้มุ่งเน้นไปที่บรรจุภัณฑ์ประเภทน้ำส้ม เพราะคิดว่า
บรรจุภัณฑ์ประเภทนี้มีอยู่มากมาย และมีการแข่งขันกันสูง ซึ่งถ้าเราสามารถสร้างความแตกต่างทางด้านแนวความคิด ที่แปลกไปจากเดิม ซึ่งเป็นอย่างที่เราเห็นๆกันอยู่ทุกวันคือ ภาพของขวดน้ำส้มที่มีภาพถ่ายเหมือนจริงของส้มติดเป็นฉลากที่ข้างขวด ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจที่เราจะลองนำเอาระดับการตัดทอนมาใช้ และสามารถให้คนอื่นสามารถรับรู้ข้อมูลได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน
ตัวอย่างน้ำส้มในซุปเปอร์มาร์เกต
MUJI ของดีไม่ต้องมียี่ห้อ...
เคนย่า ฮาระ เป็นบอร์ดบริหารของมูจิ โดยเขาได้เล่าให้ฟังเกี่ยวกับมูจิ ตอนที่เขามาบรรยายที่เมืองไทยว่า ผลงานของเขาไม่จำเป็นต้องสวยแค่ตอบสนองและมีความเข้ากันได้ดีกับทุกเพศทุกวัย ดังเช่นที่เคยได้บอกไว้ว่า ถ้าเขาทำผลิตภัณฑ์ออกมาซักตัวถ้าเด็กอายุ18 ชอบมันคนอายุ 60 ก็ต้องชอบมันด้วยเช่นกัน โดยผลิตภัณฑ์ของมูจินั้น ตอนนี้มีอยู่ทั่วโลก และผลิตภันฑ์ทุกชิ้นก็ยังคงกลิ่นอายของชนชาติญี่ปุ่น
Nagano Olympic Games
ผลงานภายในประเทศที่โดดเด่นของฮาระ
นากาโน่ โอลิมปิกฤดูหนาวที่จัดขึ้นที่ญี่ปุ่น
ผลงานระดับนานาชาติ ซึ่งฮาระได้นำเอาวัฒนธรรมและชนชาติของตัวเอง มาผสมผสานในผลงานของเขาโดยที่ยังคงความเป็นสากลนิยม โดยที่เขาได้นำเอาแนวคิดเกี่ยวกับหิมะ มาใช้ในหนังสือโปรแกรมการแข่งขันซึ่งจะเป็นในลักษณะของตัวข้อความที่เป็นนูนต่ำ โดยภาพที่ออกมาให้ความรู้สึกถึงความนุ่มนวลของหิมะ สื่อความหมายได้ชัดเจน ทั้งนี้ยังรวมไปถึงส่วนอื่นๆที่ฮาระยังคงเน้นความเรียบง่ายแต่สามารถแสดงเอกลักษณ์ของชนชาติได้ทั้งหมดและยังมีความเป็นสากลอีกด้วย
นากาโน่ โอลิมปิกฤดูหนาวที่จัดขึ้นที่ญี่ปุ่น
ผลงานระดับนานาชาติ ซึ่งฮาระได้นำเอาวัฒนธรรมและชนชาติของตัวเอง มาผสมผสานในผลงานของเขาโดยที่ยังคงความเป็นสากลนิยม โดยที่เขาได้นำเอาแนวคิดเกี่ยวกับหิมะ มาใช้ในหนังสือโปรแกรมการแข่งขันซึ่งจะเป็นในลักษณะของตัวข้อความที่เป็นนูนต่ำ โดยภาพที่ออกมาให้ความรู้สึกถึงความนุ่มนวลของหิมะ สื่อความหมายได้ชัดเจน ทั้งนี้ยังรวมไปถึงส่วนอื่นๆที่ฮาระยังคงเน้นความเรียบง่ายแต่สามารถแสดงเอกลักษณ์ของชนชาติได้ทั้งหมดและยังมีความเป็นสากลอีกด้วย
Katta civic polyclinic
ฮาระ กับการออกแบบภาพลักษณ์ของโรงพยาบาล
เคนย่า ฮาระ มีแนวคิิดในการออกแบบโรงพยาบาลแห่งนี้ โดยการใช้มุมมองที่มีความเรียบง่าย สามารถรับรู้ได้ง่าย โดยอาศัยอักษรสีแดง และพื้นสีขาว
ซึ่งโรงพยาบาลแห่งนี้ ฮาระต้องการให้ความรู้สึกของแม่และเด็ก ความอบอุ่น ความนุ่มนวล และความสะอาด และเขาก็ได้ใช้วัสดุที่ทำมาจากผ้าฝ้าย
มาใช้เป็นป้ายตามห้องตรวจรักษา เพื่อให้สื่อถึงความรูู้สึกที่เขาต้องการ
เคนย่า ฮาระ มีแนวคิิดในการออกแบบโรงพยาบาลแห่งนี้ โดยการใช้มุมมองที่มีความเรียบง่าย สามารถรับรู้ได้ง่าย โดยอาศัยอักษรสีแดง และพื้นสีขาว
ซึ่งโรงพยาบาลแห่งนี้ ฮาระต้องการให้ความรู้สึกของแม่และเด็ก ความอบอุ่น ความนุ่มนวล และความสะอาด และเขาก็ได้ใช้วัสดุที่ทำมาจากผ้าฝ้าย
มาใช้เป็นป้ายตามห้องตรวจรักษา เพื่อให้สื่อถึงความรูู้สึกที่เขาต้องการ
KENYA HARA กับวัฒนธรรมอันผสมผสาน
เคนยะ ฮาระ เกิดเมื่อปี คศ.1958 เขาไม่ใช่แค่นักออกแบบทางด้านกราฟฟิกผู้ซึ่งออกแบบหยั่งลึก ในรางเหง้าของความเป็นญี่ปุ่น แต่เขาก็ยังเป็นผู้บริหารทางด้านกราฟฟิกของ มูจิ ซึ่งเป็นตัวแทนของ Nippon Design Centre และยังเป็นอาจารย์อยู่ที่ มหาวิทยาลัย Musashino Art เขาสร้างผลงานใหม่ๆทางด้านนิเทศศิลป์ทั้งสองสาขาของเขา โดยการการมองทุกๆวัน มองชีวิตในหลายๆมุมมองได้ดีเท่ากับผลงานด้านนิเทศศิลป์ ซึ่งเป็นสิ่งที่แตกต่างกันแตอยู่บนพื้นฐานที่ยอมรับได้ ซึ่งเป็นการออกแบบที่ครอบคลุมและอาศัยการฝึกฝน การพัฒนาการออกแบบตามรากฐานของความเป็นวัฒนธรรมของญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวางแผนพิธีเปิดและปิด สำหรับกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่นากาโน และ ยังมีผลงานที่ Aichi Expo ในปี2005 ซึ่งเขาได้ออกแบบ ภาพรวมของความเป็นพื้นฐาน รากเหง้า ของวัฒนธรรมในญี่ปุ่น
Subscribe to:
Posts (Atom)